ในยุคที่การแข่งขันด้านอุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ผู้ผลิตไทยจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก การนำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้ในกระบวนการผลิตเป็นกุญแจสำคัญในการลดต้นทุนแรงงานซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในขั้นตอนการคัดแยก การตัดแต่ง และการบรรจุ ซึ่งสามารถลดการพึ่งพาแรงงานคนได้มากถึง 40-50% นอกจากนี้ การใช้ระบบ Predictive Maintenance ยังช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุงและการสูญเสียจากการหยุดเครื่องจักรฉุกเฉินได้ 25-30% การบูรณาการระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะและการนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่สามารถลดต้นทุนพลังงานได้ การพัฒนาระบบการจัดการคุณภาพอัจฉริยะด้วย AI ช่วยลดการสูญเสียจากของเสียและการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งยกระดับความปลอดภัยอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น FSMA ของสหรัฐอเมริกา และ HACCP ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตลาดสำคัญของอาหารทะเลไทย การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมการผลิตและบรรจุภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่เน้นคุณค่าทางโภชนาการ และการใช้ QR Code เพื่อการตรวจสอบย้อนกลับ ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างและหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และนี้คือแนวทางภาคการปฏิบัติจากการให้คำปรึกษา และการถอดบทเรียน
